หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

แสดงความคิดเห็นต่อบทความ น.ส.เอ

ไม่เห็นด้วย : เพราะการที่เราจะแสดงความคิดเห็น เราต้องคำนึงถึง คำพูด ที่อาจจะไปกระทบต่อบุคคลอื่นหรือไม่ และการที่เราจะตัดสินว่าใครผิด ถูก ยังไงนั้น มันคงจะห้ามไม่ได้ แต่การเอาความคิดของเราไปเผยแพร่ โดยการใช้เทคโนโลยีเป็นตัวกลาง นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจจะทำให้คนอื่นได้รับผลกระทบไปด้วย จากที่ได้อ่านบทความก็ จะมีแต่ความคิดเห็นที่ใช้คำพูดที่แรง ที่ออกมาจากอารมณ์มากกว่าเหตุผล คะ 

แนวทางแก้ไข :   การแสดงความคิดเห็นก็ถือว่าเป็นสิทธิของทุกคนแต่ก็ความคำนึงถึง คำพูด ที่ได้แสดงออกไปว่าอาจจะไปกระทบ ต่อบุคคลอื่นทำให้ได้รับความเดือดร้อน หรือทำให้เกิดปัญหาขึ้น     

แผนการจัดการเรียนรู้

แผนการจัดการเรียนรู้ที่  2
รหัสวิชา  จ. 41201                                                                                         รายวิชา  ทักษะจีนกลางระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4
ชื่อหน่วย / เรื่อง    去学校怎么走?เดินไปโรงเรียนอย่างไร ?                                เวลา  4  คาบ

สาระสำคัญ
       บทสนทนาเกี่ยวกับการสอบถามที่อยู่ การสอบถามอย่างสุภาพ องค์ประกอบของประโยคภาษาจีน

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง / สัมพันธ์กับมาตรฐานการเรียนรู้ที่
1.             ฟัง  พูด  เข้าใจ และฝึกฝนประโยคสนทนาภาษาจีนในบทสนทนาในเรื่องทิศทาง
2.             อ่านออกเสียงและสะกดพินอิน (拼音) ตามที่เรียนได้
3.             เข้าใจวลี บอกทิศทาง
4.             เขียนภาษาจีนตามลำดับขีดได้ถูกต้อง
5.             สนทนาเชิงปฏิบัติการ บอกทางกลับบ้านให้ฉันหน่อย
6.             ฟังและเขียนคำศัพท์ภาษาจีนและเขียนพินอิน 20  คำ

จุดประสงค์การเรียนรู้
                        ด้านความรู้ (K)
                        นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับบทสนทนาเกี่ยวกับการสอบถามที่อยู่ ทิศทาง การสอบถามอย่างสุภาพ องค์ประกอบของประโยคภาษาจีน
                        ด้านทักษะ (P)
                        ทักษะการฟัง  นักเรียนฟังภาษาจีนที่ครูพูด สามารถจำแนกความแตกต่างของเสียงเพื่อระบุว่าเป็นอักษรจีน หรือสัญลักษณ์สัทอักษร 拼音 ใดได้อย่างเข้าใจความหมาย
                        ทักษะการพูด  นักเรียนพูดโต้ตอบบทสนทนาตามสถานการณ์ที่กำหนดในบทเรียนได้
                        ทักษะการอ่าน นักเรียนสามารถอ่านตัวสัทอักษร 拼音 อ่านออกเสียงอักษรจีน โดยเน้นเสียงหนักหรือเบาได้ในพยางค์แต่ละพยางค์ของคำ และสามารถอ่านตัวเลขในหน้าที่ต่าง ๆ ได้ถูกต้อง
                        ทักษะการเขียน นักเรียนฟังภาษาจีนที่ครูพูดและ สามารถเขียนเป็นตัวสัทอักษร拼音 หรือตัวอักษรจีนตามคำบอกได้
ด้านคุณลักษณะ (A)
                        1.    เป็นผู้มีคุณธรรมในการดำรงชีวิต
                        2.    รับผิดชอบ
                        3.    ซื่อสัตย์
                        4.    ขยันใฝ่หาความรู้ตลอดเวลา
                        5.    กล้าแสดงออกอย่างถูกกาลเทศะ
สาระการเรียนรู้  
       1.    生词  คำศัพท์
       2.    对话:บทสนทนา
                 学校里边有没有银行?
                                        我的家附近
                                        我的房间
       3.    语法 ไวยากรณ์
                 方位词(所处,时间,数量)
                                        存在表示“在“ “有“
                                        + 远,高,大,长
                                        介词“离”
กิจกรรมการเรียนรู้
                        ขั้นนำ  
                        1.    ครูผู้สอนกล่าวถึงหลักการสอบถามเส้นทาง  สถานที่  การเขียนที่อยู่ การเขียนหน้าซองจดหมายของจีน ที่ต่างจากหลักของไทย คือ ของประเทศไทยจะเรียงจากบ้านเลขที่ไปหาประเทศ แต่ของจีนจะเรียงจากประเทศไปหาบ้านเลขที่ ตำแหน่งของชื่อผู้รับและผู้ส่งจดหมายบนหน้าซองจดหมาย
                        2.    ให้นักเรียนยกตัวอย่างประโยคภาษาไทยที่ตั้งคำถามผู้อื่นอย่างสุภาพ และให้ครูผู้สอนยกตัวอย่างเปรียบเทียบเป็นภาษาจีน
                        3.    ก่อนจะสอนคำศัพท์ของหน่วยการเรียนนี้ ให้นักเรียนแย่งกันอ่านคำศัพท์เหล่านั้นก่อน โดยใช้ความรู้เรื่องระบบการสะกดเสียงสัทอักษร 拼音 ที่เรียนมาสะกดคำ ครูผู้สอนบันทึกคะแนนสะสม
                      ขั้นสอน
                        ครูผู้สอนอธิบายถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในสาระการเรียนรู้และเอกสารประกอบในภาคผนวก
                        ขั้นสรุป        
                        1.    ให้นักเรียนสอบถามสถานที่ในโรงเรียน เช่น ธนาคารโรงเรียน ร้านค้า ฯลฯ
                        2.    ให้นักเรียนแต่ละคนบอกตำแหน่งทิศทางของสิ่งของต่าง ๆ ในห้องd
                        3.    ครูผู้สอนสรุปหลักการบอกตำแหน่งของสิ่งของในห้องเรียนหรือในห้องนอน รวมไปถึงการบอกตำแหน่งของสถานที่ในชุมชนได้
                        4.    ปฏิบัติตามกิจกรรมประเมินผลตามที่ครูกำหนด
สื่อ / แหล่งการเรียนรู้
       1.  บัตรคำ                                                  
       2.    เอกสารลำดับขีด                                
           3.  เทปการออกเสียงจากเจ้าของภาษา
           4.    วีดิทัศน์ประกอบเนื้อหา                    
            5.    หนังสือเรียน                                       
            6.    ห้องเรียน                                             
การวัดและประเมินผล
                        1.    วิธีวัด : การส่งงาน การฝึกปฏิบัติ การทดสอบ การสังเกต
                        2.    เครื่องมือวัด : แบบบันทึกคะแนนความตื่นตัวสะสม สมุดงาน เอกสารลำดับขีด  แบบประเมินการฝึกปฏิบัติ
                        3.    เกณฑ์การประเมิน : K : P : A (6 : 6 : 4)
                               คะแนน K : P มาจาก            
                               คะแนน A มาจาก คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (4 คะแนน)
กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้ามี)
                        ให้นักเรียนจับกลุ่มสนทนา 3 คน โดยให้มีเนื้อหาการสนทนาเกี่ยวกับการสอบถามสถานที่  ที่อยู่ หมายเลขห้องพัก หมายเลขโทรศัพท์ และการเดินทางไปโดยรถประจำทางสายอะไร โดยสนทนากันเป็นคู่ และให้นักเรียนคนที่ 3 ในกลุ่มทำหน้าที่จับผิดการออกเสียงภาษาจีนให้ชัดเจน เมื่อสนทนาเสร็จแล้วให้สลับหน้าที่กันจนครบทั้ง 3 คน
 

ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์

  • [ ประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ] ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ( Abacus)

ลูกคิด ( Abacus)
  • [ พ.ศ. 2158 ] นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ชื่อ John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยในการคำนวณขึ้นมาเรียกว่า Napier’s Bones เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณในปัจจุบัน
  • [ พ.ศ.2173 ] วิลเลียม ออตเทรต( William Oughtred) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์ไม้บรรทัดคำนวณ ( Slide Rule) ซึ่ง ต่อมากลายเป็นพื้นฐานของการสร้างคอมพิวเตอร์แบบอนาลอก
  • [ พ.ศ.2185 ] เบลส์ ปาสคาล ( Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์เครื่องบวกลบขึ้น โดยใช้หลัการหมุนของฟันเฟือง และการทดเลขเมื่อฟันเฟืองหมุน ไปครบรอบ โดยแสดงตัวเลขจาก 0-9 ออกที่หน้าปัด
Pascal’s Calculato
  • [ พ.ศ.2214 ] กอตฟริต วิลเฮล์ม ไลบ์นิซ ( Gottfried Wilhelm Leibniz ) นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้ปรับปรุงเครื่องคิดเลขปาสคาล ให้ทำงานได้ดีกว่าเดิม และเขายังค้นพบเลขฐานสอง (Binary number)

กอตฟริต วิลเฮล์ม ไลบ์นิซ ( Gottfried Wilhelm Leibniz )
  • [ พ.ศ.2288 ] โจเซฟ แมรี่ แจคคาร์ด ( Joseph Marie Jacquard) เป็นชาวฝรั่งเศสได้คิด เครื่องทอผ้า โดยใช้คำสั่งจากบัตรเจาะรูควบคุมการทดผ้าให้มีสีและลวดลายต่าง ๆ

บัตรเจาะรู
  • [ พ.ศ.2365 ] ชาร์ล แบบเบจ ( Charles Babbage) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องมือที่เรียกว่าเครื่องหาผลต่าง ( Difference Engine) เพื่อใช้คำนวณและพิมพ์ ค่าทางตรีโกณมิติและฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ แบบเบจได้พยายามสร้าง เครื่องคำนวณอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า Analytical Engine โดยมีแนวคิดให้แบ่งการทำงานของเครื่องออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนเก็บข้อมูล (Store unit), ส่วนควบคุม (Control unit) และส่วนคำนวณ (Arithmetic unit) ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการนำมาใช้เป็นต้นแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จึงยกย่องแบบเบจ ว่าเป็นบิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์ เลดี้ เอดา ออคุสตา เลฟเลค ( Lady Ada Augusta Lovelace ) เป็นนักคณิตศาสตร์ที่เข้าใจผลงานของแบบเบจ ได้เขียนวิธีการใช้เครื่องคำนวณของแบบเบจเพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เล่มหนึ่ง ต่อมา เลดี้ เอดา ออคุสตา เลฟเลค จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก

    Differnce Engine
  • [ พ.ศ.2393 ] ยอร์จ บูล ( George Boole) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้คิดระบบ พีชคณิตระบบใหม่เรียกว่า Boolean Algebra โดยใช้อธิบายหลักเหตุผลทางตรรกวิทยาโดยใช้สภาวะเพียงสองอย่างคือ True (On) และ False (Off) ร่วมกับเครื่องหมายในทางตรรกะพื้นฐาน ได้แก่ NOT AND และ OR ต่อมาระบบเลขฐานสอง และ Boolean Algebra ก็ได้ถูกนำมาดัดแปลงให้เข้ากับวงจรไฟฟ้า ซึ่งมีสภาวะ 2 แบบ คือ เปิด , ปิด จึงนับเป็นรากฐานของการออกแบบวงจรในระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน (Digital Computer)
  • [ พ.ศ.2480-2481 ] ดร.จอห์น วินเซนต์ อตานาซอฟ ( Dr.Jobn Vincent Atansoff) และ คลิฟฟอร์ด แบรี่ ( Clifford Berry) ได้ประดิษฐ์เครื่อง ABC ( Atanasoff-Berry) ขึ้น โดยได้นำหลอดสุญญากาศมาใช้งาน ABC ถือเป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์

    Atansoff

    ABC computer

    Berry
  • [ พ.ศ.2487 ] ศาสตราจารย์โอเวิร์ด ไอด์เคน (Howard Aiken) แห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ร่วมกับวิศวกรของบริษัทไอบีเอ็มได้สร้างเครื่อง MARK I เป็นผลสำเร็จ แ ต่อย่างไรก็ตามเครื่อง MARK I นี้ยังไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่แท้จริงแต่เป็นเครื่องคิดเลขไฟฟ้าขนาดใหญ่เท่านั้น
  • [ พ.ศ.2485-2495 ] มหาวิทยาลัยเพนซิลเลเนียได้สร้างเครื่อง ENIAC (Electronic Numerical Integrator And Calculator) นับได้ว่าเป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลกที่ใช้หลอดสูญญากาศ และควบคุมการทำงานโดยวิธีเจาะชุดคำสั่งลงในบัตรเจาะรู
    ENIAC
  • [ พ.ศ.2492 ] ดร.จอห์น ฟอน นิวแมนน์ ( Dr.John Von Neumann ) ได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถเก็บคำสั่งการปฏิบัติงานทั้งหมดไว้ภายในเครื่อง ชื่อว่า EDVAC นับเป็นคอมพิวเตอร์เครี่องแรกที่สามารถเก็บโปรแกรม ไว้ในเครื่องได้

EDVAC
(first stored program computer)
  • [ พ.ศ.2496-2497 ] บริษัทไอบีเอ็มได้สร้างคอมพิวเตอร์ชื่อ IBM 701 และ IBM 650 โดยใช้หลอดสุญญากาศเป็นวัสดุสร้าง ต่อมาเกิดมีการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นสารกึ่งตัวนำขึ้นที่ห้องปฏิบัติการของบริษัท Bell Telephone ได้เกิดทรานซิสเตอร์ตัวแรกขึ้น ต่อมาทรานซิสเตอร์ได้ถูกนำไปแทนหลอดสูญญากาศ จึงทำให้ขนาดของคอมพิวเตอร์เล็กลงและเกิดความร้อนน้อยลง (เครื่องที่ใช้ทรานซิสเตอร์ได้แก่ IBM 1401และ IBM 1620 )

    หลอดสูญญากาศ (Vacuum tube)

    ทรานซีสเตอร์ (Transistor)
  • [ พ.ศ.2508 ] วงจรคอมพิวเตอร์มีการเปลี่ยนแปลงอีกมากเมื่อมีวงจรรวม ( Integrated Circuit: IC) เกิดขึ้น ซึ่งไอบีเอ็มนี้ได้ถูกนำไปแทนที่ทรานซิสเตอร์ ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของระบบคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ซึ่งผลก็คือทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง

    IC
  • [ พ.ศ.2514 ] บริษัท Intel ได้ใช้เทคโนโลยีของการผลิตวงจรรวมแบบ ( Large Scale Integrated Circuit :LSI ) ทำการรวมเอาวงจรที่ใช้เป็นหน่วยประมวลผลกลาง ( CPU) ของคอมพิวเตอร์มาบรรจุอยู่ในแผ่นไอซีเพียงตัวเดียวซึ่ง ไอซีนี้เรียกว่าไมโครโปรเซสเซอร์ ( Microprocessor)

    Microprocessor
  • [ พ.ศ.2506] ประเทศไทยเริ่มมีคอมพิวเตอร์ใช้เป็นครั้งแรก โดยที่คอมพิวเตอร์เครื่องแรกในประเทศไทยได้ติดตั้งที่ ภาควิชาสถิติ คณะพานิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนี้คือ IBM 1620 ซึ่งได้รับมอบจากมูลนิธิเอไอดี และบริษัทไอบีเอ็ม แห่ง ประเทศไทยจำกัด ปัจจุบันหมดอายุการใช้งานไปแล้ว จึงได้มอบให้แก่ศูนย์บริภัณฑ์การศึกษาท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ
  • [ พ.ศ.2507] เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องที่สองของประเทศไทยติดตั้งที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ ในเดือนมีนาคม 2507
อ้างอิง http://www.thaicyberpoint.com/ford/blog/id/193/

เทคโนโลยี / นวัตกรรมในท้องถิ่น

พีรพล โสวัตร จากกลุ่มเยาวชนผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าวและงานไม้ เจ้าของผลงาน โคมไฟกะลามะพร้าว เป็นงานสร้างสรรค์ใส่ไอเดีย ใช้ทุนต่ำ สร้างรายได้ อย่างงาม

โคมไฟกะลามะพร้าว
กะลามะพร้าว ที่เคยไม่มีค่า หลัง ๆ มีการนำมาใช้ประโยชน์-สร้างมูลค่าได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งถ้านำมาสร้างสรรค์ใส่ไอเดีย บวกฝีมือ วัสดุที่เคยถูกทิ้งไม่มีราคาอย่างกะลามะพร้าวก็จะกลายเป็นชิ้นงานที่มีคุณ ค่า-มีราคา อย่างเช่น โคมไฟกะลามะพร้าว ที่ทีม ช่องทางทำกิน มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้
พีรพล โสวัตร จากกลุ่มเยาวชนผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าวและงานไม้ เป็นเจ้าของผลงาน โคมไฟกะลามะพร้าว ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำงานกะลามะพร้าวมากว่า 20 ปี เจ้าตัวเล่าว่า นำกะลามะพร้าวมาทำเป็นชิ้นงานต่าง ๆ ขายมานาน ทำมาตั้งแต่ยังไม่มีโครงการโอท็อป ซึ่งตอนแรกนั้นมีโอกาสได้ไปเรียนหลักสูตรการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน เพื่อให้เกิดประโยชน์ เป็นหลักสูตรของกระทรวงอุตสาหกรรม ระยะสั้น เรียนเพียง 7 วัน ซึ่งในหลักสูตรก็จะสอนวิธีการนำกะลามะพร้าวมาทำเป็นชิ้นงานขาย
หลังจากจบหลักสูตรก็กลับมาลงมือทำที่บ้าน โดยช่วงแรกเริ่มจากทำเครื่องประดับ พวงกุญแจ ของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากกะลามะพร้าว นำไปวางขายตามข้างทางที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ซึ่งช่วงแรกยังไม่มีใครสนใจมากนัก จนหลังจากนั้น 2-3 ปี ก็เริ่มมีคนสนใจในงานกะลามะพร้าวมากขึ้น และเริ่มมีลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจ
ลูกค้าต่างชาตินอกจากจะสนใจซื้อ ยังนำแบบของการนำกะลาแปรรูปเป็นสินค้าต่าง ๆ จากที่อื่นมาให้เราดูหลายแบบ แล้วถามว่าเราทำแบบนี้ได้ไหม เราก็บอกว่าทำได้ ซึ่งตอนนั้นเราก็เริ่มกลับมาปรับปรุงพัฒนางานการทำกะลาให้มีรูปแบบหลากหลายมากขึ้น จากที่เคยทำแต่พวกของชิ้นเล็ก ก็เริ่มทำงานชิ้นใหญ่ขึ้น
รวมถึง โคมไฟ ด้วย
หลังจากพีรพลทำงาน โคมไฟกะลามะพร้าว ออกจำหน่าย ลูกค้าก็เริ่มสนใจสินค้ามากขึ้น จึงทำให้โคมไฟกลายเป็นงานที่ทำออกมาแล้วขายได้เรื่อย ๆ เป็นงานที่ลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสนใจมากที่สุด ซึ่งงานโคมไฟกะลามะพร้าวของกลุ่มนี้มีทั้งตั้งโต๊ะ และแขวน ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ก็จะมีรูปทรงต่าง ๆ ประมาณ 7-8 แบบ
พีรพลบอกต่อว่า สำหรับการทำงานกะลามะพร้าวนี้ไม่ยาก ใช้เวลาฝึกหัดทำจริง ๆ ประมาณ 10 วัน ก็สามารถทำเป็นแล้ว แต่คนที่จะมาทำงานตัวนี้ต้องเป็นคนที่มีใจรัก ต้องชอบจริง ๆ
โคมไฟกะลามะพร้าว

วัสดุอุปกรณ์ในการทำโคมไฟกะลามะพร้าว

มีอยู่ไม่กี่อย่าง อาทิ สว่านไฟฟ้า, มอเตอร์ 2 หัว (สำหรับใช้เจียกะลา), สิ่ว, กระดาษทราย, สายไฟ, หลอดไฟ, เชือกผักตบชวา, กาวร้อน, แล็กเกอร์ เป็นต้น
สำหรับกะลามะพร้าวที่ใช้ทำโคมไฟ จะใช้จากมะพร้าวที่เป็นลูก ควรเลือกลูกมะพร้าวที่ปอกเปลือกเหลือแต่กะลาแล้วมีขนาดไซต์ที่ใกล้เคียงกัน นำมาทำเป็นโคมไฟ เพื่อความสวยงาม

วิธีการทำโคมไฟกะลามะพร้าว

เริ่มจากการนำมะพร้าวมาทำการปอกเปลือกนอกออก จากนั้นก็ทำการคัดขนาดให้ได้ใกล้เคียงกัน นำกะลามะพร้าวมาทำการเจาะรูด้านบนของลูกกะลา ให้มีขนาดกว้างพอประมาณ จากนั้นก็ทำการแคะเนื้อข้างในออกให้หมด โดยใช้ลิ่มทำการแคะ
หลังจากแคะเนื้อด้านในออกจนหมด ก็นำลูกกะลาไปทำการขัดทำความสะอาดผิวด้านในด้วยกระดาษทรายให้เรียบร้อย จากนั้นนำไปทำการเจาะรูเพิ่มตามต้องการ แล้วจึงขัดผิวด้านนอกด้วยกระดาษทรายให้เรียบ
การเจาะรูลูกกะลาสำหรับให้แสงไฟลอดออกมานั้น ใช้วิธีการกะระยะความห่าง และขนาดของรูตามต้องการ รูปแบบก็ไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบตายตัว
ขั้นต่อไปทำการขึ้นสายไฟตามแบบที่กำหนด ซึ่งโคมไฟหนึ่งโคม เมื่อใช้กะลากี่ลูกประกอบกันเป็นโคม ก็ขึ้นสายที่มีหัวหลอดไฟไว้ตามจำนวนเท่านั้น โดยจะใช้กะลามาตัดทำเป็นฝาครอบ จากนั้นใช้เชือกผักตบชวาพันทับสายไฟเพื่อเป็นการเก็บซ้อนสายไฟ เพื่อความสวยงาม
การประกอบก็นำกะลามะพร้าวที่เตรียมไว้ใส่ครอบหลอดไฟ ใช้นอตยึดฝาครอบกับกะลาให้แน่นหนา นำไปพ่นแล็กเกอร์บาง ๆ ตั้งทิ้งไว้ให้แห้ง เท่านี้ก็ขายได้แล้ว (แต่ถ้าขายลูกค้าต่างชาติไม่ต้องพ่นแล็กเกอร์ทับเพราะลูกค้าต่างชาตินั้นจะ ชอบงานที่ดูเป็นธรรมชาติ)
งาน โคมไฟกะลามะพร้าว ของพีรพลและกลุ่มนั้น มีหลายรูปแบบ ซึ่งราคาขายก็ตั้งแต่ 100-500 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน นอกจากนี้ทางกลุ่มยังมีสินค้าที่ทำจากกะลามะพร้าวประเภทอื่น ๆ จำหน่ายอีกหลากหลาย

วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

ประวัติส่วนตัว




ชื่อ : นางสาววัลลีย์  ไชยคำ
ชื่อเล่น: นุ่มนิ่ม
วัน เดือน ปีเกิด: 27 ส.ค. 2529
จบการศึกษาจาก :มหาวิทยาลัยนเรศวร  พะเยา
ประวัติการศึกษาสูงสุด :ปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์   สาขาวิชาภาษาจีน
ประวัติการทำงาน : 2552-ปัจจุบัน  
สถานที่ทำงาน : โรงเรียนนุชนาถอนุสรณ์  ต.ป่างิ้ว  อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
ตำแหน่ง :ครูผู้สอน   วิชาภาษาจีน  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-2  , มัธยมศึกษาปีที่ 4
ความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์ :สามารถใช้โปรแกรมได้ดังนี้  
ใช้โปรแกรม  Microsoft   powerpoint      Microsoft  word